Distribution Blocks

จ่ายไฟอย่างมั่นใจในทุกโหลด ด้วยบล็อกกระจายกระแสไฟจาก RS

เมื่อพูดถึงการออกแบบระบบจ่ายไฟในโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารพาณิชย์ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “บล็อกกระจายกระแสไฟ” อุปกรณ์เล็ก ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นระเบียบ ลดภาระของการเดินสายที่ซับซ้อน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้วงจรไฟฟ้าหลายโหลดในตู้ควบคุมเดียว

RS ผู้นำด้านโซลูชันอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมจัดจำหน่ายบล็อกกระจายไฟมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกระบบควบคุมไฟฟ้า ด้วยวัสดุคุณภาพสูง รองรับกระแสและแรงดันหลากหลาย ช่วยให้งานติดตั้งปลอดภัยและเชื่อมต่อได้อย่างมั่นใจ

บล็อกกระจายกระแสไฟคืออะไร ?

บล็อกกระจายกระแสไฟ (Power Distribution Block) หรือที่นิยมเรียกอีกอย่างว่า กล่องกระจายไฟ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการรวมและแยกสายไฟฟ้าเพื่อให้สามารถกระจายกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายหลักไปยังโหลดหรือวงจรย่อยหลาย ๆ จุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบ พูดง่าย ๆ คือเป็น "จุดรวมพล" ของสายไฟที่ช่วยให้สามารถจ่ายไฟจากสายเมนเส้นใหญ่เพียงเส้นเดียวไปยังสายย่อยหลาย ๆ เส้นที่ต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ บล็อกกระจายพลังงานไฟมักติดตั้งภายในตู้ควบคุม ตู้สวิตช์บอร์ด หรือแผงควบคุมในระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และระบบควบคุมเครื่องจักรต่าง ๆ

วัตถุประสงค์หลักของบล็อกต่อสายไฟ คือ การจ่ายพลังงานให้แก่อุปกรณ์หลายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟขนาดใหญ่หลายเส้นแยกกันไปยังอุปกรณ์แต่ละตัว นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการแยกปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของระบบทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงจากการขัดข้องที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต

อธิบายหลักการทำงานของบล็อกกระจายกระแสไฟ

โดยพื้นฐานแล้ว บล็อกกระจายกระแสไฟทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับกระแสไฟฟ้าขาเข้าขนาดใหญ่ (Input) และกระจายออกไปยังวงจรย่อยหรืออุปกรณ์ปลายทางหลาย ๆ ตัว (Output) โดยมีกลไกการทำงานดังนี้

1. การรับกระแสไฟฟ้าขาเข้า : บล็อกคอนเน็คเตอร์กระจายไฟมีขั้วต่ออินพุตขนาดใหญ่หนึ่งช่องหรือมากกว่าที่ออกแบบมารองรับสายไฟเมนหลักที่มีขนาดใหญ่และกระแสไฟฟ้าสูง
2. การกระจายกระแสไฟฟ้า : ภายในบล็อกจะมีบัสบาร์ (Busbar) หรือตัวนำไฟฟ้าที่เป็นโลหะนำไฟฟ้าสูง ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อขั้วต่ออินพุตเข้ากับขั้วต่อเอาต์พุตหลาย ๆ ขั้ว เมื่อกระแสไฟฟ้าเข้าสู่บล็อกผ่านขั้วต่ออินพุต กระแสไฟจะไหลผ่านบัสบาร์นี้และกระจายออกไปยังขั้วต่อเอาต์พุตแต่ละตัวที่เชื่อมต่ออยู่
3. การเชื่อมต่อโหลด/วงจรย่อย : ขั้วต่อเอาต์พุตแต่ละช่องจะเชื่อมต่อกับสายไฟขนาดเล็กกว่าที่นำไปจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวหรือวงจรย่อยต่าง ๆ เช่น มอเตอร์ หลอดไฟ ระบบควบคุม หรือโหลดอื่น ๆ
4. การลดความซับซ้อนของการเดินสาย : แทนที่จะต้องเดินสายไฟขนาดใหญ่หลายเส้นจากแหล่งจ่ายไปยังอุปกรณ์แต่ละตัว บล็อกกระจายไฟช่วยให้ใช้สายไฟขนาดใหญ่เพียงเส้นเดียวที่อินพุต และแยกออกเป็นสายเล็ก ๆ ที่เอาต์พุต ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการเดินสาย ประหยัดพื้นที่ และทำให้ระบบดูเป็นระเบียบมากขึ้น
5. การป้องกันการลัดวงจร : บล็อกกระจายกระแสไฟบางประเภทได้รับการออกแบบมาเพื่อจำกัดผลกระทบจากการลัดวงจร ตัวอย่างเช่น หากเกิดการลัดวงจรในวงจรย่อยวงจรใดวงจรหนึ่ง บล็อกอาจมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ปัญหาถูกแยกออกไปในวงจรนั้น ๆ ป้องกันไม่ให้ระบบทั้งหมดต้องหยุดทำงาน

ประโยชน์ของบล็อกกระจายกระแสไฟที่ผู้ประกอบการควรรู้

• จัดระเบียบสายไฟในตู้ควบคุมให้เรียบร้อยมากขึ้น การใช้กล่องกระจายไฟช่วยลดความยุ่งเหยิงของสายไฟที่เดินมาจากต้นทางหลายเส้น ทำให้การจัดวางสายไฟในตู้สวิตช์บอร์ดหรือแผงควบคุมเป็นระเบียบ ช่วยให้การตรวจสอบและบำรุงรักษาง่ายขึ้น
• เพิ่มความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า บล็อกกระจายพลังงานไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานมีฉนวนและฝาครอบป้องกันการสัมผัสส่วนที่มีกระแสไฟ ลดโอกาสเกิดไฟฟ้าช็อต รวมถึงสามารถแยกวงจรที่เกิดลัดวงจรออกจากวงจรอื่น ป้องกันความเสียหายลุกลามไปทั้งระบบ
• ลดความซับซ้อนและเวลาในการติดตั้ง เพียงต่อสายหลักเพียงเส้นเดียวเข้าสู่บล็อก จากนั้นสามารถกระจายออกไปยังหลายโหลดได้ทันที ลดจำนวนการเดินสายยาวจากต้นทาง ทำให้งานติดตั้งรวดเร็วขึ้นและลดความผิดพลาดในการเชื่อมต่อ
• รองรับการขยายระบบในอนาคต หากมีการเพิ่มเครื่องจักรหรืออุปกรณ์โหลดใหม่ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับบล็อกกระจายไฟเดิมได้เลย โดยไม่ต้องดึงสายใหม่จากแหล่งจ่ายหลัก ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
• ช่วยจัดการพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกระจายพลังงานผ่านบล็อกที่ออกแบบมาอย่างถูกต้อง ช่วยลดการสูญเสียไฟฟ้า ลดความร้อนสะสมที่สายหลัก และทำให้ระบบจ่ายไฟทำงานเสถียรมากขึ้น
• เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบควบคุม สามารถจัดสรรวงจรย่อยได้ตามต้องการ เลือกใช้ขั้วต่อที่เหมาะสมกับโหลดแต่ละชนิด และปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่อได้ง่ายเมื่อต้องการปรับระบบในอนาคต

บล็อกกระจายกระแสไฟมีกี่ประเภท ?

บล็อกต่อสายไฟสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักตามโครงสร้างและรูปแบบการเชื่อมต่อ ดังนี้

• บล็อกแบบ Bussed (Enclosed Type) ใช้สำหรับกรณีที่ต้องการแยกสายหลักขนาดใหญ่ไปยังสายย่อยหลายเส้น ขั้ว Output จะเชื่อมกันภายใน เหมาะสำหรับกระจายไฟจากวงจรหลักไปยังโหลดหลายจุด เช่น มอเตอร์ ปั๊มน้ำ หรืออุปกรณ์ควบคุม
• บล็อกแบบ Independent (Non-Bussed) ไม่มีการเชื่อมภายในขั้ว Output ใช้เพื่อรวมสายจากหลายวงจรเข้ามาที่จุดเดียว มักใช้ในระบบที่ต้องรวมสายจากหลายโหลดเพื่อเข้าสู่วงจรควบคุมเดียว

นอกจากนี้ ยังมีบล็อกกระจายกระแสไฟแบบมีฝาครอบนิรภัย (Safety Cover) และแบบกันน้ำ (IP-Rated) สำหรับใช้ภายนอกหรือตามแนวเครื่องจักรที่มีความชื้นสูง

คู่มือการเลือกบล็อกกระจายกระแสไฟให้เหมาะกับความต้องการ

• พิจารณากระแสไฟสูงสุดที่ต้องใช้งาน (Rated Current) เลือกบล็อกกระจายไฟที่รองรับกระแสสูงกว่าภาระโหลดรวม เพื่อป้องกันความร้อนสะสมหรือการทำงานเกินพิกัด ควรเผื่อความจุไว้ประมาณ 20-30% เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
• แรงดันไฟฟ้าที่รองรับ (Voltage Rating) ตรวจสอบให้เหมาะกับระบบไฟ เช่น 230V, 400V หรือสูงกว่าสำหรับงานอุตสาหกรรมแรงดันสูง เพื่อป้องกันการเสียหายของอุปกรณ์และลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดูดหรือไฟช็อต
• จำนวนช่องต่อและรูปแบบการเชื่อมต่อ (Poles/Terminals) เลือกตามจำนวนโหลดที่ต้องการเชื่อมต่อ และเลือกรูปแบบขั้วต่อ (สกรูหรือสปริง) ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เพื่อความสะดวกและลดเวลาติดตั้ง
• ขนาดและชนิดของสายไฟ (Wire Size & Type) ตรวจสอบว่าบล็อกกระจายไฟรองรับขนาดสายไฟทั้งฝั่ง Input และ Output ตามที่ระบบใช้งานจริง รองรับสายทองแดงหรืออลูมิเนียมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
• มาตรฐานความปลอดภัยและการรับรองคุณภาพ (Certification) เลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน UL, CE, RoHS หรือมาตรฐานอื่นที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน และผ่านการทดสอบคุณภาพ
• วัสดุและความทนทาน (Material & Durability) ควรเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนความร้อนสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี และหากติดตั้งในพื้นที่ชื้นหรือกลางแจ้ง ควรเลือกบล็อกที่มีคุณสมบัติกันน้ำ (IP-Rated)
• ความสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา ควรเลือกบล็อกที่ติดตั้งง่าย รองรับราง DIN หรือสามารถยึดกับตู้ควบคุมได้แน่นหนา เพื่อประหยัดเวลาในการทำงานและลดปัญหาการคลายตัวของสายไฟ
• ราคาและความคุ้มค่า (Price & Cost-Effectiveness) ราคาเป็นปัจจัยสำคัญ โดยควรเปรียบเทียบคุณภาพ วัสดุ มาตรฐานความปลอดภัย และอายุการใช้งานกับราคาที่จ่าย Power Distribution Block คุณภาพสูงอาจมีราคาแพงกว่า แต่ให้ความปลอดภัยและความทนทานที่ดีกว่าในระยะยาว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและการเปลี่ยนอะไหล่บ่อยครั้ง

ตัวอย่างการใช้บล็อกกระจายกระแสไฟในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

• ระบบควบคุมเครื่องจักรอุตสาหกรรม (Machinery Control Panel) บล็อกกระจายไฟใช้เป็นจุดเชื่อมต่อหลักในการจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ รีเลย์ PLC และอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ ช่วยให้ระบบเดินสายในตู้คอนโทรลเป็นระเบียบ ลดความเสี่ยงจากการต่อสายผิด และเพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุง
• อุตสาหกรรม HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) ในระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และควบคุมอุณหภูมิ บล็อกต่อสายไฟช่วยแบ่งกระแสจากแหล่งจ่ายหลักไปยังฮีตเตอร์ พัดลม และชุดควบคุมหลายจุด ทำให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียรและปรับแต่งได้ตามต้องการ
• พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: Solar, Wind, Turbine Systems) ใช้บล็อกกระจายพลังงานไฟในตู้จ่ายไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลม เพื่อแยกพลังงานออกไปยังโหลดหรือระบบจัดเก็บพลังงาน (Battery Bank) หลายชุด ลดความซับซ้อนของการเชื่อมต่อสายและเพิ่มความปลอดภัยของระบบพลังงาน
• สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) บล็อกกระจายกระแสไฟช่วยกระจายกระแสจากแหล่งจ่ายหลักไปยังหัวชาร์จหลายพอร์ตในสถานีเดียว ทำให้สามารถรองรับการชาร์จรถหลายคันพร้อมกันได้ โดยไม่ต้องเดินสายแยกจากต้นทางหลายชุด
• ระบบลำเลียงสินค้าและลิฟต์อุตสาหกรรม (Conveyor Systems & Elevators) ในสายการผลิตหรือระบบขนย้ายอัตโนมัติ บล็อกกระจายไฟช่วยส่งพลังงานไปยังมอเตอร์ เซ็นเซอร์ และตัวควบคุมหลายตำแหน่งอย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดการขัดข้องระหว่างการทำงาน

เลือกซื้อบล็อกกระจายกระแสไฟมาตรฐานสากล จากแบรนด์ชั้นนำที่ RS

ผู้ประกอบการคนไหนกำลังมองหาแหล่งจำหน่าย Power Distribution Block ราคาคุ้มคุณภาพ และมีตัวเลือกครบครัน ต้องมาที่ RS ผู้นำด้านโซลูชันอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ เราคัดสรรบล็อกกระจายกระแสไฟราคามิตรภาพจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้มาตรฐานมาให้เลือกซื้ออย่างสะดวก เช่น Phoenix Contact, Schneider Electric, RS PRO และอีกมากมาย มีบล็อกกระจายกระแสไฟ ทั้งราคาปลีกและราคาส่ง ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ประกอบการ เลือกซื้อสินค้าได้สะดวกตลอด 24 ชั่วโมงบนเว็บไซต์ของเรา พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศไทย หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมของคุณ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของเราได้เลย