Surge Protection Devices

จำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (SPD) Surge Protection Device

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (SPD) หรือ Surge Protection Device เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยปกป้องระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากความเสียหายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ากระชาก หรือกระแสไฟที่ไม่เสถียร เช่น เหตุการณ์ฟ้าผ่า หรือปัญหาจากการสลับกระแสไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้สามารถลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ในบ้านและอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ RS เรามีอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากหลากหลายประเภท ที่รองรับการใช้งานทั้งในงานไฟฟ้าอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ พร้อมบริการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และบริการจัดส่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ระบบไฟฟ้าของคุณ

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก คืออะไร ?

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก หรือ Surge Protection Device คือ อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอุปกรณ์และเครื่องจักรจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านระบบ เพราะการเพิ่มขึ้นของกระแสไฟฟ้า หรือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านชั่วคราว อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงกับอุปกรณ์ไฟฟ้า และยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากใช้ทำอะไร ?

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากประกอบด้วย ตัวกันฟ้าผ่า หรือตัวป้องกันไฟกระชาก และตัวหยุดกระแสไฟกระชาก (Arresters) โดยทั้ง 2 ทำงานร่วมกันดังนี้

  • ตัวกันฟ้าผ่า : ป้องกันอุปกรณ์จากการเพิ่มขึ้นของแรงดันไฟฟ้า โดยการบล็อกหรือส่งกระแสไปยังพื้นดิน เช่น กระแสไฟที่เข้ามาในแผงจ่ายไฟ หรือกระแสไฟที่เข้ามาในระบบควบคุมการทำงาน
  • ตัวหยุดกระแสไฟกระชาก : ตัวช่วยปกป้องเครื่องจักรจากเหตุการณ์ภายนอกที่ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่เกินค่า เช่น ความผิดพลาดจากการสลับกระแสไฟฟ้าในระบบการทำงาน

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (SPD) ทำงานอย่างไร ?

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากทำงานโดยการตรวจจับและตอบสนองต่อแรงดันไฟฟ้ากระชากที่เกิดขึ้นชั่วขณะ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของแรงดันไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ ที่อาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้ โดยหลักการทำงานของอุปกรณ์กันไฟกระโชก มีอยู่ด้วยกันดังนี้

  • ในสถานะการทำงานปกติ : ในสภาวะแรงดันไฟฟ้าปกติ SPD จะอยู่ในสถานะความต้านทานสูง (ไม่ลัดวงจร) ทำหน้าที่เหมือนวงจรเปิด ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการรบกวนการไหลของกระแสไฟฟ้า และไม่มีผลกระทบต่อตัวระบบไฟฟ้าที่ได้รับการป้องกัน
  • เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟกระชาก : เมื่อเกิดแรงดันกระชากชั่วขณะ เช่น จากฟ้าผ่า การสลับวงจรไฟฟ้า หรือสาเหตุอื่น ๆ แรงดันไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับที่กำหนด ส่วนประกอบภายใน SPD จะลดความต้านทานลงทันทีในระดับหลายพันเท่า ภายในเวลาไม่กี่นาโนวินาที เพื่อสร้างเส้นทางในการนำไฟฟ้าขึ้น
  • การเบี่ยงกระแสไฟกระชาก : SPD จะนำกระแสไฟฟ้ากระชากส่วนเกินออกจากอุปกรณ์ที่บอบบาง โดยการนำกระแสไปสู่กราวด์ หรือส่งกลับไปยังแหล่งจ่ายไฟอย่างปลอดภัย ทำให้แรงดันถูกจำกัดให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นระดับที่กำหนดไว้แล้ว ช่วยป้องกันไม่ให้ไฟกระชากไหลต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ และก่อให้เกิดความเสียหาย
  • รีเซตตัว : หลังจากเหตุการณ์ไฟกระชากหยุดลง SPD จะกลับสู่สถานะความต้านทานสูงโดยอัตโนมัติ พร้อมตอบสนองต่อไฟกระชากครั้งต่อไป

ส่วนประกอบหลักและวิธีการทำงานของแต่ละส่วน

  • Metal Oxide Varistor (MOV) : ทำจากสารสังกะสีออกไซด์ ในสถานะปกติจะไม่ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร แต่ถ้าไฟฟ้ามาแรงกว่าที่กำหนด ส่วนนี้จะลดความต้านทานลงทันที ทำให้ไฟฟ้าไหลผ่าน และแปลงพลังงานไฟฟ้าที่เกินมาเป็นความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์อื่นเสียหาย
  • Gas Discharge Tube (GDT) : หลอด GDT จะไม่ลัดวงจรจนกว่าแรงดันไฟฟ้าจะเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟกระชาก ไฟฟ้าจะกระตุ้นให้ก๊าซที่อยู่ภายในหลอดนี้เกิดการนำไฟฟ้า จากนั้นหลอดจะส่งไฟฟ้าลงกราวด์ จนกว่าแรงดันจะกลับมาเป็นปกติ
  • Transient Voltage Suppressor (TVS) Diode : ทำงานเหมือนวาล์วที่จะเปิดทันทีเมื่อมีไฟฟ้าแรงสูงกว่าที่กำหนด โดยจะปล่อยไฟฟ้าออกมาจำนวนมาก และดึงแรงดันไฟฟ้าให้ต่ำลงอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่บอบบางไม่ให้ได้รับความเสียหาย

ด้วยการผสมผสานส่วนประกอบเหล่านี้ SPD จึงสามารถจำกัดแรงดันไฟฟ้ากระชากชั่วขณะ และเบี่ยงเบนกระแสไฟฟ้าที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากความเสียหาย การหยุดทำงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

ประเภทของอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากประเภท 1 (Class I SPDs)

อุปกรณ์ประเภท 1 ออกแบบมาเพื่อรองรับไฟกระชากพลังงานสูง ที่เกิดจากฟ้าผ่าโดยตรง หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยมักติดตั้งที่แผงจ่ายไฟหลักก่อนฟิวส์หรือตัวตัดวงจรหลัก อุปกรณ์เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันชั้นแรก ด้วยการเบี่ยงเบนกระแสไฟกระชากขนาดใหญ่ให้ออกไปอย่างปลอดภัย และป้องกันไม่ให้ไฟกระชากเข้าสู่ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และงานติดตั้งระบบไฟฟ้าภายนอกที่เสี่ยงต่อการโดนฟ้าผ่าโดยตรง

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากประเภท 2 (Class II SPDs)

อุปกรณ์ประเภท 2 จะติดตั้งในจุดรองรับไฟฟ้าหลังจากแผงจ่ายไฟหลัก เช่น แผงย่อย หรือแผงกระจายไฟภายในอาคาร เพื่อป้องกันไฟฟ้ากระชากที่เหลือหลังจากการป้องกันชั้นแรก เช่น จากฟ้าผ่าที่ไม่โดนโดยตรง หรือการสวิตช์วงจรภายในระบบไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยลดแรงดันไฟฟ้าให้ปลอดภัย ก่อนที่จะไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า เหมาะกับบ้านพัก อาคารพาณิชย์ และโรงงาน

อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากประเภท 3 (Class III SPDs)

อุปกรณ์ประเภท 3 จะป้องกันพื้นที่เฉพาะจุด เช่น ปลั๊กไฟ แผงควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือติดตั้งใกล้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บอบบาง เช่น คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สื่อสาร โดยจะจัดการกับไฟกระชากพลังงานต่ำที่เหลือหลังจากการป้องกันในขั้นก่อนหน้า อุปกรณ์ประเภทนี้มักออกแบบให้เป็นโมดูลแบบเสียบหรือปลั๊กพ่วง มีหน้าที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กจากความเสียหาย

อุปกรณ์ป้องกันแบบไฮบริด หรือรวม (Type 1+2)

อุปกรณ์ไฮบริดสมัยใหม่รวมความสามารถในการรองรับไฟกระชากพลังงานสูงของประเภท 1 กับความสามารถในการจำกัดแรงดันของประเภท 2 ไว้ในตัวเดียวกัน มักติดตั้งที่จุดเข้าบริการไฟฟ้าหลักหรือแผงจ่ายไฟหลัก เพื่อความสะดวกและการป้องกันที่ครอบคลุม เหมาะกับสถานที่ที่มีความเสี่ยงหลากหลาย เช่น คอนโดมิเนียมหรือศูนย์ข้อมูล และระบบพลังงานหมุนเวียน

อุปกรณ์กันไฟกระชากรอง (Secondary Surge Arresters)

ติดตั้งใกล้หรือข้างแผงควบคุมไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟกระชากที่เกิดจากฟ้าผ่าหรือสวิตช์ในระบบจ่ายไฟ เพิ่มความปลอดภัยให้เครื่องจักรอุตสาหกรรมและระบบควบคุมกระบวนการผลิต

แผงไฟกระชากสาขา (Branch Surge Panels)

ติดตั้งใกล้กับแผงควบคุมเครื่องจักรและมอเตอร์ ทำหน้าที่ป้องกันอุปกรณ์จากไฟกระชากที่เกิดจากมอเตอร์เองหรือการสวิตช์วงจรอย่างรวดเร็ว ช่วยลดการขัดข้องและการหยุดทำงานโดยไม่คาดคิดในโรงงานอุตสาหกรรม

ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชาก

ออกแบบสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไฟต่ำและกระแสไฟต่ำ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ให้ภาพและเสียง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในบ้านและสำนักงาน เป็นอุปกรณ์ที่สะดวกและใช้งานง่าย เพราะสามารถเสียบใช้งานได้ทันที

โมดูลป้องกันไฟกระชาก

ติดตั้งโดยตรงบนเครื่องจักรที่สำคัญ เพื่อป้องกันส่วนประกอบที่บอบบางจากแรงดันและกระแสไฟฟ้ากระชากที่เกิดขึ้นกะทันหัน ช่วยรักษาความเสถียรของเครื่องจักรและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

การเลือกอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?

การเลือกอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก หรือ Surge Protection Device ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ส่งผลต่อการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ไฟฟ้า และการป้องกันความเสียหายจากกระแสไฟที่ไม่เสถียร ซึ่งอาจเกิดจากฟ้าผ่า หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า โดยการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

ประเภทของการใช้งาน

  • อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากสำหรับอุตสาหกรรม : หากใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการใช้งานหนัก ควรเลือกตัวกันฟ้าผ่า 3 เฟสที่มีการป้องกันสูง และรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
  • อุปกรณ์กันไฟกระโชกสำหรับระบบไฟฟ้าบ้าน : สำหรับบ้านพักอาศัยหรืออาคารทั่วไป สามารถเลือกเสิร์จกันฟ้าผ่า 1 เฟส หรือ DC/AC Surge Protection Device เพื่อปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือน

ความต้องการด้านพลังงานและการรองรับกระแสไฟฟ้า

เลือกอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากที่สามารถรองรับแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานในระบบไฟฟ้าของคุณ เช่น หากคุณต้องการปกป้องเครื่องจักรไฟฟ้าขนาดใหญ่ ควรเลือกอุปกรณ์ที่สามารถรองรับการกระชากของไฟฟ้าในระดับนั้น ๆ ได้ เช่น อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก 3 เฟส

สภาพแวดล้อมที่ติดตั้ง

  • สภาพแวดล้อมภายในอาคาร : ควรเลือก Surge Protection Device ที่รองรับการติดตั้งในอาคารได้ดี
  • สภาพแวดล้อมกลางแจ้งหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง : หากต้องการติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือกลางแจ้ง ควรเลือกอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก กันฟ้าผ่า ที่มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นและน้ำ

มาตรฐานและการรับรอง

เลือกอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น IEC 61643 (สำหรับประสิทธิภาพ SPD) หรือ UL 1449 (สำหรับการรับรองความปลอดภัย) อุปกรณ์ที่มีการรับรองจะช่วยให้คุณมั่นใจในเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

ความง่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา

เลือกอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าที่ติดตั้งง่ายและบำรุงรักษาได้สะดวก โดยบางรุ่นสามารถติดตั้งได้อย่างไม่ซับซ้อน ช่วยให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็ว

ราคาคุ้มค่า

ในกรณีที่มีงบประมาณจำกัด เลือก Surge Protection Device ที่มีความคุ้มค่า โดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป แต่ยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันไฟกระชากได้ดี

ตัวอย่างการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

  • อุตสาหกรรมการผลิต : ใช้ตัวกันฟ้าผ่าในการปกป้องเครื่องจักรจากกระแสไฟที่เพิ่มขึ้นจากฟ้าผ่า หรือการทำงานของเครื่องจักรที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่ไม่เสถียร
  • งานอิเล็กทรอนิกส์ : ใช้เสิร์จกันฟ้าผ่า เพื่อป้องกันการเสียหายจากกระแสไฟฟ้ากระชากที่อาจทำให้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกิดความเสียหาย
  • อุตสาหกรรมพลังงาน : ในระบบพลังงาน เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ ตัวกันฟ้าผ่า DC Surge จะช่วยป้องกันกระแสไฟแรงสูงจากฟ้าผ่า ที่อาจทำให้การจ่ายพลังงานไม่เสถียร
  • อุตสาหกรรมการสื่อสาร : ใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก 3 เฟส เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าที่ไม่เสถียรจากการฟ้าผ่า หรือการสลับกระแสไฟที่ทำให้ระบบสื่อสารเกิดปัญหา

RS จำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากคุณภาพสูง ราคาย่อมเยา จากแบรนด์ชั้นนำ

ที่เว็บไซต์ RS เราจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากจากแบรนด์ชั้นนำที่ผ่านการรับรองด้านคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น Phoenix Contact, Siemens, Schneider Electric และแบรนด์ของเราเองอย่าง RS PRO ซึ่งเรามี Surge Protection Device ราคาย่อมเยาให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Power Surge Protection Device, Single Phase Surge Protection Device และ Domestic Surge Protection Devices จำหน่ายทั้งราคาปลีกและราคาส่ง พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศไทย หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อขอรับคำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้เลย

868 สินค้าที่แสดงสำหรับ Surge Protection Devices

ผลลัพธ์ต่อหน้า

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง