แน่นอนว่าในโลกนี้คงไม่มีใครได้ใช้ไฟฟ้าแบบฟรี ๆ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองจากแหล่งพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ แต่อย่างไรก็ตาม การวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวันก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การมีเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้าหรือพาวเวอร์มิเตอร์ (Power Meter) ไว้สำหรับวัดปริมาณไฟฟ้าทั้งจากการไฟฟ้าและแหล่งพลังงานอื่น จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง
ในการทำธุรกิจทุกประเภท ย่อมก่อให้เกิดบิลค่าไฟมูลค่ามหาศาล แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าบิลค่าไฟที่เกิดขึ้นทุกเดือนนั้นถูกต้องตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริง นี่คือเหตุผลหลักที่อาคารทุกแห่งควรมีมิเตอร์ไฟฟ้าหรือ Energy Meter / Power Meter ซึ่งอุปกรณ์นี้คือสิ่งที่จะช่วยติดตามและวัดปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่คุณใช้งานจริง ช่วยสร้างความมั่นใจว่าค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายตรงตามที่คุณใช้ไป ด้วยระบบการทำงานที่แม่นยำและการเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซึ่งในปัจจุบันมีดิจิทัลเพาเวอร์มิเตอร์ หรือมิเตอร์ไฟฟ้าระบบดิจิทัลให้เลือกใช้งานมากมาย ที่สามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกำลังไฟฟ้า ความถี่ในการใช้งาน แรงดันไฟฟ้า หรือกระแสไฟฟ้าที่ใช้งานจริง
นอกจากนี้ การติดตั้งมิเตอร์วัดไฟยังสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่มักติดตั้งด้วย 3 รูปแบบเหล่านี้
การให้ความสำคัญกับพลังงานที่ใช้ไป ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการประหยัดพลังงานและลดต้นทุนธุรกิจ ซึ่งคุณสามารถนำมิเตอร์วัดไฟฟ้าไปเชื่อมต่อเข้ากับระบบบริหารจัดการพลังงาน เพื่อช่วยติดตามประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ดียิ่งขึ้น โดยมิเตอร์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมการแสดงผลด้วยระบบหน้าจอ LCD รวมถึงจะแสดงข้อมูลการใช้พลังงานต่าง ๆ เช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้า หน่วยการวัด และอาจมีปุ่มควบคุมต่าง ๆ เช่น ปุ่มปรับแสงหน้าจอ หรือปุ่มเลือกภาษา เพื่อความสะดวกและตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบถ้วน
ส่วนใหญ่ การติดตั้งมิเตอร์มักมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อใช้ติดตามและแสดงปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในอาคาร และนำมาคำนวณปริมาณค่าไฟฟ้าเบื้องต้น โดยมักจะติดตั้งไว้ในสถานที่เหล่านี้
การเลือกมิเตอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานและธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมิเตอร์ไฟฟ้าก็มีให้เลือกทั้งแบบ 1 เฟสและ 3 เฟส โดยจะเลือกแบบใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งประเภทของมิเตอร์ที่ควรรู้จัก ได้แก่
เคยสงสัยไหมว่ามิเตอร์ไฟฟ้าที่หมุน ๆ อยู่ สามารถคำนวณการใช้ไฟของเราอย่างไร ? คำตอบก็คือ ในมิเตอร์แบบแอนะล็อก เข็มของมิเตอร์จะหมุนตามปริมาณไฟฟ้าที่เราใช้จากระบบไฟฟ้า และการหมุนแต่ละรอบจะแสดงค่าการใช้ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะมาอ่านค่าจากมิเตอร์ 2 ครั้งเพื่อคำนวณการใช้ไฟฟ้าของเรา โดยนำค่ามิเตอร์ครั้งล่าสุดมาลบกับค่ามิเตอร์ครั้งก่อนหน้า ก็จะได้ออกมาเป็นค่าไฟที่ต้องชำระนั่นเอง
หากคุณกำลังวางแผนซื้อมิเตอร์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ราคาสมเหตุสมผล และมีคุณภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์ สามารถเลือกซื้อได้ที่ RS หรือหากยังไม่รู้ว่าจะเลือกมิเตอร์วัดไฟหรือ Power Meter ยี่ห้อไหนดี เรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน สามารถสั่งซื้อสะดวกผ่านเว็บไซต์ของเราได้ตลอด 24 ชม. พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ