Washers
RS จำหน่ายแหวนอีแปะแหวนรองน็อต และแหวนสปริง
แหวนอีแปะ หรือแหวนรองน็อต เป็นชิ้นส่วนที่มีบทบาทสำคัญในงานยึด ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบเครื่องจักร งานก่อสร้าง งานไฟฟ้า หรือการซ่อมบำรุงทั่วไป หน้าที่หลักของแหวนคือช่วยกระจายแรงขันจากสกรูหรือน็อตให้สม่ำเสมอ เพื่อลดแรงเสียดสี และป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิววัสดุที่ทำการยึด นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการคลายตัวจากแรงสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเครื่องจักรอุตสาหกรรม
ปัจจุบันมีแหวนหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น แหวนสปริง (Spring Washer), แหวนอีแปะ M8, M10, M12 และแหวนอีแปะทองแดง ซึ่งแต่ละชนิดออกแบบให้ตอบโจทย์ลักษณะงานเฉพาะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัยในทุกจุดยึดของโครงสร้าง
แหวนอีแปะ คืออะไร ?
แหวนอีแปะแหวนรองน็อต (Plain Washer) เป็นชิ้นส่วนรูปทรงแหวนขนาดเล็กที่มีความสำคัญอย่างมากในงานประกอบและยึดชิ้นงาน โดยมักใช้ร่วมกับสกรู น็อต หรือโบลต์ เพื่อกระจายแรง ลดแรงเสียดสี และป้องกันการคลายตัวของสกรูเมื่อมีแรงสั่นสะเทือน โดยในงานอุตสาหกรรม แหวนรองน็อตยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีให้เลือกทั้งแหวนอีแปะสแตนเลส, แหวนอีแปะทองแดง และแหวนสปริง (Spring Washer) สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานกลึง งานเครื่องจักร งานประกอบโครงสร้าง หรือแม้แต่ในระบบยานยนต์
ประเภทของแหวนอีแปะ
- แหวนอีแปะ (Plain Washer) :เป็นแหวนแบบพื้นฐานที่ใช้กระจายแรงระหว่างหัวน็อตกับพื้นผิวชิ้นงาน ช่วยลดการเสียดสีและป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแรงขัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น งานประกอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า
- แหวนสปริง (Spring Washer) :ช่วยป้องกันการคลายตัวของน็อตเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับเครื่องจักรที่ต้องทำงานต่อเนื่องหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกระแทก เช่น เครื่องจักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
- แหวนรองน็อตขนาดใหญ่ (Mudguard Washer) :มีพื้นที่หน้าสัมผัสกว้าง ใช้ในงานที่ต้องการกระจายแรงมาก เช่น งานติดตั้งในแผ่นโลหะหรือวัสดุบาง
- แหวนอีแปะมีขอบ (Cup Washer / Shoulder Washer) :ใช้สำหรับเก็บความเรียบร้อย หรือใช้ในงานที่ต้องการความสวยงาม โดยช่วยให้หัวน็อตหรือน็อตจมพอดีกับพื้นผิว
- แหวนอีแปะสำหรับงานเฉพาะทาง (Bonded Washer / Tap Washer) :ออกแบบมาเพื่อใช้งานเฉพาะ เช่น งานป้องกันการรั่วซึมในระบบท่อ หรือการซีลรอยต่อในอุปกรณ์แรงดัน
การเลือกแหวนอีแปะให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?
- ขนาด : เลือกขนาดให้ตรงกับสกรูหรือน็อตที่ใช้ เช่น แหวนอีแปะ M8, แหวนอีแปะ M10 หรือแหวนอีแปะ M12 เพื่อให้กระจายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วัสดุ : สำหรับการใช้งานทั่วไป ควรเลือกแหวนอีแปะสแตนเลสที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน สำหรับงานที่ต้องมีการนำไฟฟ้า เช่น งานระบบไฟและอิเล็กทรอนิกส์ ควรเลือกแหวนอีแปะทองแดง
- รูปทรง : ส่วนใหญ่จะเป็นรูปวงกลมเพื่อให้เข้ากับหัวสกรู แต่บางงานอาจใช้แหวนทรงสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มความมั่นคงในงานยึดที่ต้องรับแรงเฉพาะทิศทาง
- ความหนา : แหวนที่มีความหนามากจะให้ความแข็งแรงและทนต่อแรงบิดได้ดี เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนักหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่
- งบประมาณ : พิจารณาเลือกแหวนอีแปะที่ราคาเหมาะสมกับปริมาณที่ได้รับและลักษณะงานที่ต้องการนำไปใช้ เพื่อความคุ้มค่า
ตัวอย่างการใช้งานแหวนอีแปะในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
- เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม : ใช้แหวนสปริงเพื่อป้องกันน็อตคลายตัวจากแรงสั่นสะเทือนของมอเตอร์หรือระบบสายพาน
- อุตสาหกรรมยานยนต์ : ใช้แหวนอีแปะทองแดงในระบบเชื้อเพลิงและท่อน้ำมัน เพราะสามารถทนความร้อนและป้องกันการรั่วซึมได้ดี
- อุตสาหกรรมก่อสร้าง : ใช้แหวนรองน็อตขนาดใหญ่สำหรับกระจายแรงในงานโครงสร้างเหล็กและแผ่นประกอบ
- งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ : ใช้แหวนรองน็อตสแตนเลสเพื่อความทนทานและป้องกันสนิมในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น
RS จำหน่ายแหวนอีแปะคุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ
ที่เว็บไซต์ RS ศูนย์รวมโซลูชันด้านอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ เราจำหน่ายแหวนอีแปะแหวนรองน็อตจากแบรนด์ชั้นนำ หลากหลายขนาดทั้งแหวนรองน็อต M8, M10, M12 ที่ผ่านการรับรองด้านคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Heico, ABB, Thomas & Betts และแบรนด์ของเราเองอย่าง RS PRO โดยคุณสามารถเลือกซื้อแหวนอีแปะได้ทั้งราคาปลีกและราคาส่ง ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เรายังจำหน่ายน็อตและแหวนรองคุณภาพสูงอีกหลากหลายประเภท ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศไทย
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้เลย
