การค้าหาล่าสุด / Recently searched
      • เผยแพร่เมื่อ 17 ม.ค. 2567
      • แก้ไขครั้งล่าสุด 19 ก.พ. 2567
    • 1 นาที

    Passive Component สำหรับงานอุตสาหกรรม

    ชวนรู้จัก Passive Component หรืออุปกรณ์พาสซีฟ โดย RS ผู้นำด้านจัดจำหน่าย Passive Component สำหรับงานอุตสาหกรรมมานานกว่า 84 ปี

    RS marketing banner

    Passive Component: ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Passive

    Passive Component คือ ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้มีหน้าที่สร้างพลังงาน และไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน แต่ทำหน้าที่เปรียบเสมือนสื่อกลางในการนำพลังงานไฟฟ้าไปสู่ส่วนประกอบอื่น ๆ โดยอุปกรณ์ Passive นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ได้แก่ Resistor, Inductor, Capacitor และ Transformer ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าต่าง ๆ 

    Passsive Component หรืออุปกรณ์พาสซีฟ สามารถนำไปใช้ได้หลายประเภท ทั้งนำไปใช้เดี่ยว ๆ และนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในวงจรไฟฟ้า โดยเราสามารถพบอุปกรณ์เหล่านี้ได้ในวงจรไฟฟ้าเกือบทุกประเภท

    ความแตกต่างของอุปกรณ์พาสซีฟ และอุปกรณ์แอคทีฟ

    นอกจากอุปกรณ์พาสซีฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวเหนี่ยวนำ ยังมีอุปกรณ์อีกหนึ่งประเภทที่เป็นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ Active Component หรืออุปกรณ์แอคทีฟ ซึ่งอุปกรณ์แอคทีฟนั้นจะมีหน้าที่สร้างพลังงาน และจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน เช่น Transistor, Amplifiers, Vacuum Tubes และ Integrated Circuit โดยเราสามารถสรุปความแตกต่างของส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 2 ประเภทได้ดังนี้ 

    อุปกรณ์แอคทีฟ

    • ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน
    • ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าในวงจรอิเล็กทรอนิกส์
    • สามารถขยายสัญญาณ หรือแปลงสัญญาณได้

    อุปกรณ์พาสซีฟ

    • ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน
    • ทำหน้าที่ส่งพลังงานไฟฟ้าในวงจรอิเล็กทรอนิกส์
    • สามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าไปเป็นพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ความร้อน หรือแสงสว่าง

    ประโยชน์ของ Passive Component

    Passive Component หรืออุปกรณ์แบบพาสซีฟ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญและมีประโยชน์มากมายในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้ 

    • ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บสะสมประจุไฟฟ้า และจ่ายแรงดันไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนอื่น ๆ ในวงจร
    • ทำหน้าที่ลดแรงดันและควบคุมปริมาณไฟฟ้าที่จะไหลผ่านวงจรอิเล็กทรอนิกส์
    • ทำหน้าที่เหนี่ยวนำไฟฟ้า เพื่อเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานรูปแบบต่าง ๆ
    • ทำหน้าที่กรองสัญญาณรบกวน เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้เสถียรมากขึ้น

    หลักการทำงานของ Passive Component

    หลักการทำงานของส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Passive มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 รูปแบบดังต่อไปนี้ 

    • การต้านทานไฟฟ้า

    ชิ้นส่วนพาสซีฟที่เป็นตัวต้านทาน จะทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าในวงจร โดยเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวต้านทาน พลังงานไฟฟ้าบางส่วนจะถูกจำกัด และกลายไปเป็นพลังงานความร้อน 

    • การเก็บประจุไฟฟ้า

    อุปกรณ์พาสซีฟที่เป็นตัวเก็บประจุ จะประกอบด้วยแผ่นตัวนำไฟฟ้าด้าน + และด้าน - และมีฉนวนไฟฟ้าอยู่ตรงกลาง เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ประจุไฟฟ้าก็จะไปสะสมอยู่ที่แผ่นตัวนำไฟฟ้า และตัวเก็บประจุนี้ก็จะสามารถจ่ายแรงดันไฟฟ้าไปให้กับส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่อยู่ในวงจรเดียวกันได้ 

    • การเหนี่ยวนำไฟฟ้า

    อุปกรณ์พาสซีฟที่เป็นตัวเหนี่ยวนำ จะประกอบด้วยขดลวดตัวนำไฟฟ้าที่พันกันเป็นเกลียว ซึ่งขดลวดนี้จะทำหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน โดยค่าความเหนี่ยวนำจะแปรผันไปตามจำนวนรอบของขดลวด และความยาวของขดลวด 

    โดยหลักการทำงานที่แตกต่างกันเหล่านี้ ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภท เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

    อุปกรณ์พาสซีฟ ตัวเก็บประจุ

    Capacitor

    Capacitor (คาปาซิเตอร์) คือ อุปกรณ์พาสซีฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บประจุ โดย Capacitor นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญ  และสามารถพบได้ในแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกวงจร

    ชิ้นส่วนพาสซีฟ ตัวต้านทาน

    Resistor

    Resistor (รีซิสเตอร์) คือ ชิ้นส่วนพาสซีฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวต้านทาน สามารถควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าและแรงดันภายในวงจรได้ และยังสามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อนได้อีกด้วย

    อุปกรณ์พาสซีฟ ตัวเหนี่ยวนำ

    Inductor

    Inductor (อินดักเตอร์) คือ อุปกรณ์พาสซีฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวเหนี่ยวนำไฟฟ้า สามารถกักเก็บและนำส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ แต่ไม่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าขึ้นมาด้วยตัวเองได้ บางครั้ง Inductor ยังอาจถูกเรียกว่า Coils, Chokes, Electromagnets หรือ Solenoids

    ตัวอย่าง Ferrite Core

    Ferrite Core

    Ferrite Core (เฟอร์ไรต์ คอร์) คือ ชิ้นส่วนเซรามิกที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเหล็กและโลหะ ทำหน้าที่ช่วยป้องกันหรือกรองสัญญาณรบกวน เพื่อไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดเพี้ยน สามารถใช้ได้ทั้งในคอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และหูฟัง

    ตัวอย่าง Surge Protection Component

    Surge Protection Component

    Surge Protection Component (เซิร์จ โปรเทคชัน) คือ อุปกรณ์พาสซีฟที่ทำหน้าที่ป้องกันแรงดันเกิน เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน เพราะหากไม่มีอุปกรณ์ชิ้นนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่า หรือไฟกระชาก อาจทำให้แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับการกระทบกระเทือน หรืออาจเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

    การเลือก Passive Component ให้เหมาะกับการใช้งาน

    ในการเลือกส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Passive ให้เหมาะกับการนำไปใช้ จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ 

    • ประเภทของอุปกรณ์พาสซีฟ

    อุปกรณ์พาสซีฟนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท ทั้งตัวต้านทาน, ตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรเลือกประเภทของอุปกรณ์พาสซีฟให้เหมาะกับความต้องการช้งาน

    • ค่าการทำงานของอุปกรณ์พาสซีฟ

    อุปกรณ์พาสซีฟแต่ละประเภทมาพร้อมกับค่าการทำงานที่ต่างกัน เช่น ค่าความต้านทาน ค่าความจุไฟฟ้า และค่าเหนี่ยวนำไฟฟ้า ซึ่งเราจำเป็นต้องเลือกค่าการทำงานให้เหมาะกับการนำไปใช้ จะช่วยให้อุปกรณ์พาสซีฟสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

    • แรงดันไฟฟ้า หรือกระแสไฟฟ้าสูงสุด

    โดยปกติแล้วอุปกรณ์พาสซีฟจะมีการระบุค่าแรงดันไฟฟ้าเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งค่าแรงดันไฟฟ้าจะหมายถึง ระดับแรงดันไฟฟ้าที่อุปกรณ์พาสซีฟตัวนั้นสามารถทนได้ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ จึงต้องศึกษารายละเอียดและพิจารณาค่าแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน 

    นอกจากนี้ แนะนำว่าผู้ใช้งานควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการนำอุปกรณ์พาสซีฟไปใช้ เพื่อดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรเหล่านั้นต้องการชนิดของอุปกรณ์ Passive Component แบบใด จะช่วยให้เราสามารถเลือกอุปกรณ์ได้ตรงกับความต้องการ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น

    จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน Passive Component

    เช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆ ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Passive นั้นมีอายุการใช้งานจำกัด และมีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยน Passive Component? สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้ 

    • เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติ เช่น มีสัญญาณรบกวน, มีเสียงดังผิดปกติ หรือมีความร้อนสูง
    • อุปกรณ์พาสซีฟมีการแตกร้าวหรือเปลี่ยนสี บ่งบอกได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ ได้รับความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ

    นอกจากนี้ เรายังสามารถตรวจสอบสถานะของอุปกรณ์พาสซีฟได้ด้วยวิธีดังนี้

    • ตรวจสอบค่าการทำงาน หากค่าการทำงานอย่างค่าความต้านทานหรือค่าประจุไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ก็อาจบอกได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นกำลังเสื่อมสภาพ
    • ตรวจสอบสัญญาณรบกวน หากติดตั้งอุปกรณ์พาสซีฟลงไปในวงจรอิเล็กทรอนิกส์แล้วพบว่า มีสัญญาณรบกวนเกิดขึ้น ก็อาจบอกได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอีกต่อไป

    ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้อุปกรณ์พาสซีฟสามารถใช้งานได้ยาวนานและเต็มประสิทธิภาพ ก็คือการหมั่นตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะกับการทำงาน เช่น มีอุณหภูมิที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงความชื้น และหลีกเลี่ยงฝุ่นละออง หากพบสัญญาณเตือนความผิดปกติ ควรรีบเปลี่ยนอุปกรณ์พาสซีฟทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหายตามไปด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยที่จะช่วยให้เราใช้อุปกรณ์พาสซีฟได้อย่างคุ้มค่า ก็คือการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีคุณภาพ จากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน และผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่า จะได้รับอุปกรณ์พาสซีฟคุณภาพสูง และสามารถรอบรังการใช้งานได้อย่างเต็มที่

    ที่ RS เรานำเข้าและจัดจำหน่าย Passive Component ทุกประเภทสำหรับงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์พาสซีฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวเหนี่ยวนำ ตัวต้านทาน หรืออุปกรณ์ป้องกันแรงดันเกิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเลือกซื้อได้ครบครันที่ RS

    RS ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์

    กว่า 84 ปีมาแล้วที่ RS ให้บริการด้านโซลูชันอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ เราดูแลลูกค้าอุตสาหกรรมมากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ด้วยสินค้าคุณภาพสูง และการให้บริการอย่างมืออาชีพ โดยอุปกรณ์พาสซีฟของ RS เป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และผ่านการรับรองในระดับสากล จึงมั่นใจได้ว่า อุปกรณ์ของเราจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ และใช้งานได้อย่างยาวนาน สามารถเลือกซื้อสินค้ากว่า 700,000 รายการของเราได้ตลอด 24 ชม. ผ่านเว็บไซต์ หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย