Thermocouple & Extension Wire

สายเทอร์โมคัปเปิล สายต่อวัดอุณหภูมิในระดับอุตสาหกรรม

ในระบบควบคุมอุณหภูมิสำหรับอุตสาหกรรมและงานวิศวกรรม ความแม่นยำในการส่งสัญญาณจากจุดวัดไปยังเครื่องอ่านค่าคือหัวใจสำคัญ ที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและความปลอดภัยของกระบวนการผลิต สายเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Wire) จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างหัววัดอุณหภูมิ (Thermocouple Sensor) กับอุปกรณ์แสดงผล เพื่อส่งสัญญาณอุณหภูมิได้อย่างต่อเนื่อง แม่นยำ และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ความร้อนจัด ความชื้นสูง หรือมีการรบกวนทางไฟฟ้า

ที่ RS เรามีสายเทอร์โมคัปเปิลให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้ง Type K, J, T, E, L, N, S, RTD และ R/S รวมถึงสายต่อขยาย (Extension Wire) พร้อมวัสดุฉนวนและเกรดโลหะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งานแต่ละแบบ เพื่อให้มั่นใจว่าสัญญาณที่ส่งผ่านยังคงเสถียรและแม่นยำในทุกจุดวัด สามารถดูรายละเอียดของสายเทอร์โมคัปเปิลได้ที่ คู่มือสายเทอร์โมคัปเปิล

สายเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Wire) คืออะไร ?

สายเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Wire) คือ สายสัญญาณที่ทำหน้าที่นำแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็ก (มิลลิโวลต์) ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่จุดต่อของหัววัดเทอร์โมคัปเปิล ไปยังอุปกรณ์แสดงผลหรือเครื่องมือวัด โดยต้องใช้โลหะสองชนิดที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับหัววัดที่ใช้งาน เช่น สาย Thermocouple Type K, J หรือ Type R เพื่อป้องกันค่าความคลาดเคลื่อนในการวัดอุณหภูมิ โดยสายเทอร์โมคัปเปิลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  • สายเทอร์โมคัปเปิลแท้ (Thermocouple Wire) : เป็นสายที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกับหัววัดเทอร์โมคัปเปิล สามารถทนความร้อนสูงได้โดยตรงกับจุดวัดอุณหภูมิ สายชนิดนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเทอร์โมอิเล็กทริก ให้ความแม่นยำสูงและใช้สำหรับวัดงานต้องการความแม่นยำสูง เช่น วัดอุณหภูมิในเตาหลอม หรืออุปกรณ์ควบคุมที่ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • สายต่อขยาย (Thermocouple Extension Wire) : สายพิเศษที่ใช้ต่อระยะทางจากหัววัดเทอร์โมคัปเปิลไปยังอุปกรณ์อ่านค่าซึ่งอยู่ไกล สายนี้ทำจากโลหะที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าใกล้เคียงกับสายเทอร์โมคัปเปิลแท้ในช่วงอุณหภูมิปกติ แต่ไม่สามารถทนความร้อนสูงได้เท่ากับสายเทอร์โมคัปเปิลแท้ มีราคาประหยัดกว่า เหมาะสำหรับการเดินสายในระยะไกล โดยมีฉนวนและวัสดุที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์สภาพแวดล้อมการใช้งาน

ชนิดของสายเทอร์โมคัปเปิล

สายเทอร์โมคัปเปิล Type K (Nickel-Chromium / Nickel-Aluminum)

Type K เป็นสายเทอร์โมคัปเปิลที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากใช้งานได้หลากหลายและมีช่วงอุณหภูมิกว้าง ตั้งแต่ประมาณ -200°C ถึง 1350°C มีคุณสมบัติทนต่อการออกซิเดชันได้ดี ใช้งานได้ทั้งในบรรยากาศที่มีออกซิเจนหรือสภาพแวดล้อมเฉื่อย เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น เตาเผาอุตสาหกรรม กังหันก๊าซ และเครื่องยนต์ต่าง ๆ

สายเทอร์โมคัปเปิล Type J (Iron / Constantan)

Type J มีช่วงอุณหภูมิประมาณ 0°C ถึง 750°C ให้ประสิทธิภาพที่ดีในสภาพแวดล้อมแห้งและไม่กัดกร่อน มักพบการใช้งานในอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือระบบภายในอาคาร เช่น เตาอบ หม้อไอน้ำ และระบบที่ไม่มีความชื้นมาก เนื่องจากไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

สายเทอร์โมคัปเปิล Type T (Copper / Constantan)

Type T เป็นสายเทอร์โมคัปเปิลที่ให้ความแม่นยำสูงในอุณหภูมิต่ำ โดยมีช่วงการวัดตั้งแต่ -250°C ถึงประมาณ 350°C ทนต่อความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในห้องปฏิบัติการ ห้องเย็น ตู้แช่ในกระบวนการแปรรูปอาหาร หรืออุปกรณ์การแพทย์ที่ต้องมีการวัดอุณหภูมิต่ำอย่างแม่นยำ

สายเทอร์โมคัปเปิล Type E (Chromel / Constantan)

Type E รองรับอุณหภูมิประมาณ -200°C ถึง 900°C ให้สัญญาณแรงดันไฟฟ้าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับสายเทอร์โมคัปเปิลโลหะฐานชนิดอื่น ๆ (Base Metal) จึงเหมาะกับการวัดอุณหภูมิที่ต้องการความไวสูงในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เช่น ระบบในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ หรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ความละเอียดสูง

สายเทอร์โมคัปเปิล Type L

มีลักษณะใกล้เคียงกับ Type J แต่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานบางประเภทในงานอุตสาหกรรมเฉพาะทาง โดยไม่ได้ใช้อย่างแพร่หลายเท่ากับชนิดอื่น เหมาะสำหรับกระบวนการที่มีข้อกำหนดพิเศษทางเทคนิค

สายเทอร์โมคัปเปิล Type N (Nicrosil / Nisil)

Type N พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกที่เสถียรกว่า Type K โดยมีคุณสมบัติต้านทานการเสื่อมสภาพจากความร้อนและการออกซิเดชันได้ดีเยี่ยม รองรับอุณหภูมิสูงได้ถึงประมาณ 1300°C เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำและความเสถียรในระยะยาว เช่น ระบบผลิตพลังงาน การตรวจวัดก๊าซไอเสีย และงานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่รุนแรง

สายเทอร์โมคัปเปิล Type R/S (Platinum / Rhodium)

สายเทอร์โมคัปเปิลแบบโลหะมีค่า (Noble Metal Thermocouples) ซึ่งใช้ในงานที่มีอุณหภูมิสูงมากถึงประมาณ 1600°C มีความแม่นยำและความเสถียรในการวัดสูง ทนต่อก๊าซกัดกร่อนได้ดี จึงมักใช้ในเตาหลอม โรงงานผลิตแก้ว และงานสอบเทียบที่ต้องการค่าที่เที่ยงตรงอย่างต่อเนื่องแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงจัด

สายเทอร์โมคัปเปิล Type RTD

ไม่ใช่สายเทอร์โมคัปเปิลโดยตรง แต่ก็เป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบอุตสาหกรรม โดยทำงานบนหลักการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าของลวดแพลทินัม ช่วงการวัดโดยทั่วไปอยู่ที่ -200°C ถึง 850°C ให้ความแม่นยำและเสถียรภาพสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำในระยะยาว เช่น ระบบควบคุมในโรงงาน ห้องปฏิบัติการ และการวัดที่ต้องการความเชื่อถือสูง

หลักการทำงานของสายเทอร์โมคัปเปิล

สายเทอร์โมคัปเปิลทำงานตามหลัก Thermoelectric Effect (Seebeck Effect) ซึ่งเกิดแรงดันไฟฟ้าเล็ก ๆ ที่ปลายสายเมื่อปลายดังกล่าวมีอุณหภูมิต่างจากปลายอ้างอิง แรงดันที่เกิดขึ้นจะถูกส่งต่อผ่านสายเทอร์โมคัปเปิลไปยังอุปกรณ์แสดงผล ซึ่งจะแปลงค่านั้นเป็นอุณหภูมิ

หากใช้สายที่ไม่ตรงกับชนิดของหัววัด หรือใช้วัสดุที่มีคุณภาพต่ำ อาจทำให้เกิดค่าความคลาดเคลื่อนในการวัดอุณหภูมิได้ ดังนั้น ผู้ประกอบจึงควรเลือกสายที่เหมาะสมและได้มาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อความแม่นยำในผลลัพธ์ที่ต้องการ

ตัวอย่างการใช้งานสายเทอร์โมคัปเปิลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

1. อุตสาหกรรมหลอมโลหะ

สายเทอร์โมคัปเปิลใช้ควบคุมอุณหภูมิในเตาหลอมและเตารักษาความร้อน เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำระหว่างการหลอมเหล็ก อลูมิเนียม หรือโลหะผสมต่าง ๆ โดยมักใช้สายเทอร์โมคัปเปิล Type K ที่ทนความร้อนได้ดี หรือแบบใช้แล้วทิ้งที่รองรับสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงจัด

2. อุตสาหกรรมอาหารและยา

ในกระบวนการอบ ฆ่าเชื้อ หรือแช่เย็น สายเทอร์โมคัปเปิลมีบทบาทสำคัญมากในการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน HACCP ทั้งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์

3. อุตสาหกรรมพลังงาน

สายเทอร์โมคัปเปิลนิยมใช้ในระบบหม้อไอน้ำและกังหันไอน้ำ เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิในส่วนต่าง ๆ เช่น ก๊าซไอเสีย หรือน้ำหมุนเวียน โดยมักเลือกใช้สายเทอร์โมคัปเปิล Type N หรือ Type R/S ที่รองรับอุณหภูมิสูงและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้อย่างดีเยี่ยม

4. ห้องปฏิบัติการและงานวิจัย

สายเทอร์โมคัปเปิล Type T และ RTD เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค่าการวัดอุณหภูมิแม่นยำและเสถียร เช่น การทดสอบวัสดุ หรือควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการทดลองเฉพาะทาง

5. ระบบอัตโนมัติและเครื่องจักร

ในสายการผลิตอัตโนมัติ สายเทอร์โมคัปเปิลนิยมใช้สำหรับวัดและส่งข้อมูลอุณหภูมิแบบเรียลไทม์จากจุดต่าง ๆ ของเครื่องจักร เช่น เตาอบหรือเครื่องฉีดพลาสติก เพื่อให้ระบบควบคุมทำงานอย่างต่อเนื่อง ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมักใช้สายที่มีความทนทานและติดตั้งง่าย

ความเข้าใจเกี่ยวกับสายต่อเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Extension Wire)

สายต่อเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Extension Wire) คือ สายไฟที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้ต่อขยายสัญญาณที่ส่งมาจากหัววัดเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple Probe) ไปยังอุปกรณ์แสดงผลหรือเครื่องมือวัดที่อยู่ห่างออกไป โดยสายชนิดนี้จะผลิตจากโลหะที่มีคุณสมบัติไฟฟ้าใกล้เคียงกับโลหะในเทอร์โมคัปเปิล แต่มีราคาย่อมเยากว่า และไม่ได้ออกแบบให้ทนต่อความร้อนสูงที่บริเวณจุดวัด

คุณลักษณะสำคัญของสายต่อเทอร์โมคัปเปิล

  • ฉนวนหลากหลายประเภท : เช่น PVC สำหรับการใช้งานทั่วไป, PFA สำหรับความยืดหยุ่นและทนต่อสารเคมี
  • ระบบรหัสสี : การหุ้มฉนวนของสายมักมีสีตามมาตรฐานเทอร์โมคัปเปิล เช่น สายขั้วบวกมีสีตามชนิดเทอร์โมคัปเปิล และขั้วลบมักใช้สีแดง
  • การเสริมความทนทาน : มีการหุ้มชั้นลวดถักเพิ่มเติม เช่น ลวดทองแดงเคลือบดีบุก (สำหรับสาย PVC) หรือสเตนเลส (สำหรับสาย PFA) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนต่อแรงเสียดสี
  • ข้อควรระวัง : ควรติดตั้งสายต่อเทอร์โมคัปเปิลในบริเวณที่มีอุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิที่ควบคุมได้ หากสายถูกใช้งานในบริเวณที่ร้อนเกินไป อาจทำให้สัญญาณวัดคลาดเคลื่อนหรือสายเกิดความเสียหาย

ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่าและการส่งสัญญาณที่แม่นยำในระยะไกล สายต่อเทอร์โมคัปเปิลจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม สำหรับระบบวัดอุณหภูมิในโรงงานและงานอุตสาหกรรมทั่วไป

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสายเทอร์โมคัปเปิลและสายต่อขยาย

เพื่อให้ได้ค่าการวัดอุณหภูมิที่แม่นยำและเชื่อถือได้ การเลือกสายเทอร์โมคัปเปิลหรือสายต่อเทอร์โมคัปเปิลให้เหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยควรพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้

  • ความเข้ากันได้กับชนิดเทอร์โมคัปเปิล : ต้องเลือกสายที่ตรงกับชนิดของเซ็นเซอร์เทอร์โมคัปเปิล เช่น Type K, J, T, N หรือ R/S เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการวัด และควรตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น IEC 60584
  • ช่วงอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุฉนวนและโครงสร้างของสายสามารถทนต่ออุณหภูมิในการใช้งานจริง และสภาพแวดล้อมรอบข้าง เช่น ความชื้น, สารเคมี, การสั่นสะเทือน และแรงทางกล
  • วัสดุฉนวนที่เหมาะสม 
    • PVC : เหมาะกับการใช้งานทั่วไป อุณหภูมิไม่เกิน ~105°C ยืดหยุ่น ราคาประหยัด
    • ซิลิโคน : ทนความร้อนได้ระดับกลาง ~180°C มีความยืดหยุ่นสูง
    • PFA / PTFE : ทนความร้อนได้สูงถึง ~260°C และทนสารเคมีได้ดี
    • ไฟเบอร์กลาส/ เซรามิกไฟเบอร์ : เหมาะกับงานที่ต้องทนอุณหภูมิสูงกว่า 400°C
  • ความยาวสายและความสมบูรณ์ของสัญญาณ : สำหรับระยะทางที่ไกล สายต่อขยายช่วยลดต้นทุนแต่มีโอกาสเกิดการสูญเสียสัญญาณมากขึ้น ควรใช้สายแบบหุ้มชิลด์หรือสายตีเกลียวในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
  • ความแม่นยำและการสอบเทียบ : เลือกสายที่มีระดับความคลาดเคลื่อนตามที่ต้องการ (Class 1 หรือ 2) สำหรับงานที่อยู่ภายใต้การควบคุม ควรใช้สายที่มีใบรับรองการสอบเทียบเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

RS จำหน่ายสายเทอร์โมคัปเปิล  (Thermocouple  Wire) ราคาย่อมเยาจากแบรนด์ชั้นนำระดับสากล

ผู้ประกอบการที่กำลังวางแผนซื้อสายเทอร์โมคัปเปิลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสายเทอร์โมคัปเปิลให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้ง Type K, J, T, E, L, N, S, RTD และ R/S สำหรับงานวัดอุณหภูมิที่แม่นยำในทุกอุตสาหกรรม สามารถเลือกชมและสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่เว็บไซต์ RS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายเทอร์โมคัปเปิลจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ เช่น RS PRO, Electrotherm, Jumo และ Reckmann สามารถมั่นใจได้ในคุณภาพ ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกการใช้งาน บริการจัดส่งทั่วประเทศ ติดต่อเพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของเราได้เลย

523 สินค้าที่แสดงสำหรับ Thermocouple & Extension Wire

ผลลัพธ์ต่อหน้า

การค้นหายอดนิยม

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง