จำหน่ายสวิตช์ลูกลอย มาตรฐานระดับสากล
สวิตช์ลูกลอยคืออะไร ?
สวิตช์ลูกลอย หรือในภาษาอังกฤษใช้คำเรียกว่า Float Switch คืออุปกรณ์สำคัญในการควบคุมระดับของเหลวในถังหรือภาชนะต่าง ๆ สวิตช์ลูกลอยทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำ คล้ายกับเซ็นเซอร์ตรวจจับระดับน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ โดยอาศัยหลักการลอยตัวของวัตถุในของเหลว เมื่อระดับของเหลวเปลี่ยนแปลง สวิตช์ลูกลอยจะทำงานโดยเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้า ส่งสัญญาณไปยังระบบควบคุมเพื่อดำเนินการต่อไป เช่น เปิด-ปิดปั๊มน้ำ หรือส่งสัญญาณเตือน
หลักการทำงานของสวิตช์ลูกลอย
อุปกรณ์ชิ้นนี้ทำงานด้วยกลไกที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายของโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้
- ลูกลอย : ส่วนที่ลอยอยู่บนผิวของเหลว ออกแบบให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าของเหลวที่ต้องการตรวจวัด
- แกนหรือก้าน : เชื่อมต่อระหว่างลูกลอยกับส่วนฐาน ทำหน้าที่ส่งผ่านการเคลื่อนไหวของลูกลอย
- กลไกสวิตช์ : อยู่ภายในส่วนฐาน ทำหน้าที่เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าตามการเคลื่อนที่ของแกน
เมื่อระดับของเหลวในถังหรือบ่อเพิ่มขึ้น ลูกลอยจะลอยตัวสูงขึ้นตาม ทำให้แกนหรือก้านเคลื่อนที่และกระตุ้นให้กลไกสวิตช์ทำงานเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้าตามที่ออกแบบไว้ ในทางกลับกัน เมื่อระดับของเหลวลดลง ลูกลอยจะเคลื่อนที่ลง ทำให้สวิตช์กลับสู่สถานะเดิม การทำงานนี้สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมได้ เช่น การควบคุมปั๊มน้ำ การส่งสัญญาณเตือนระดับน้ำมันต่ำ หรือการควบคุมระบบบำบัดน้ำเสีย
สวิตช์ลูกลอยมีกี่แบบ ?
สวิตช์ลูกลอยสามารถแบ่งเป็นหลายประเภทตามการใช้งานและโครงสร้างของอุปกรณ์ ซึ่งหลัก ๆ มีดังนี้
1. สวิตช์ลูกลอยเชิงกล (Mechanical Float Switch)
- ใช้กลไกการทำงานด้วยลูกลอยที่ลอยขึ้นหรือลงตามระดับของเหลว เพื่อสั่งงานเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้า เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในระบบบ่อพักน้ำ หรือถังเก็บน้ำ
2. สวิตช์ลูกลอยแม่เหล็ก (Magnetic Float Switch)
- ใช้แม่เหล็กในการตรวจวัดตำแหน่งของลูกลอยและสั่งงานวงจรไฟฟ้า เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่มีความปั่นป่วน ไม่คงที่ หรือมีความเสี่ยงในการเสียหายสูง
3. ลูกลอยไฟฟ้า (Electrical Float Switch)
- สวิตช์ลูกลอยไฟฟ้าใช้ในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยตรง เช่น ปั๊มน้ำ วาล์ว และถ้าถามว่าลูกลอยไฟฟ้ามีกี่แบบ คำตอบคือมีหลากหลาย แตกต่างกันไปตามระดับแรงดันไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปในประเทศไทยจะใช้งานที่แรงดันไฟฟ้า 220V ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับระบบไฟฟ้าของโรงงาน ดังนั้น ลูกลอยไฟฟ้าที่นิยมใช้ในบ้านเราคือลูกลอยไฟฟ้า 220V เป็นหลัก
- ลูกลอยไฟฟ้าทํางานอย่างไร ? ใช้หลักการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของลูกลอยและการเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้า เมื่อระดับของเหลวในถังหรือบ่อเพิ่มขึ้นหรือลดลง ลูกลอยจะเคลื่อนที่ตามระดับของเหลวนั้น การเคลื่อนที่ของลูกลอยจะทำให้สวิตช์ภายในวงจรไฟฟ้าถูกกระตุ้นให้เปิดหรือปิด
สวิตช์ลูกลอยทำจากวัสดุอะไรบ้าง ?
คุณภาพและประสิทธิภาพของสวิตช์ลูกลอยขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นสำคัญ วัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันของโรงงานอุตสาหกรรม ดังนี้
1. ไนลอน (Nylon)
- ทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีทั่วไปในโรงงาน
- น้ำหนักเบา แต่แข็งแรง ทนต่อการสึกหรอ
- เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในอุณหภูมิปกติ เช่น ในบ่อพักน้ำหรือถังเก็บน้ำ
2. โพลิโพรพิลีน (PP)
- ทนทานต่อสารเคมีสูง เหมาะกับการใช้งานในโรงงานเคมี
- ราคาประหยัด คุ้มค่าสำหรับการใช้งานในปริมาณมาก
- เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีเจือปน เช่น ในระบบบำบัดน้ำเสีย
3. โพลิฟีนิลีนซัลไฟด์ (PPS)
- ทนความร้อนสูง เหมาะกับการใช้งานในกระบวนการผลิตที่มีอุณหภูมิสูง
- ทนทานต่อสารเคมีได้ดีเยี่ยม รวมถึงกรดและด่างเข้มข้น
- เหมาะสำหรับการใช้งานในอุณหภูมิสูงหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นกรด-ด่างสูง เช่น ในถังน้ำหล่อเย็นของเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง
4. สเตนเลส (Stainless Steel)
- แข็งแรงทนทานสูงสุด เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
- ทนต่อการกัดกร่อนและสนิม อายุการใช้งานยาวนาน
- เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม หรือในถังเชื้อเพลิงที่ต้องการความสะอาดและความทนทานสูง
การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของสวิตช์ลูกลอย และรับประกันประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ระบบการผลิตของโรงงาน
คุณสมบัติที่สวิตช์ลูกลอยต้องมี
- มีความยืดหยุ่นสูง : สวิตช์ลูกลอยต้องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะการใช้งานที่หลากหลายของโรงงาน ตั้งแต่ของเหลวที่มีความหนืดต่ำ ไปจนถึงของเหลวที่มีความหนืดสูง รวมถึงสามารถปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความดันในกระบวนการผลิต
- อัตรารับน้ำหนักเชิงกลสูง : ต้องทนทานต่อแรงกดและแรงดันจากของเหลวได้ดี โดยไม่เสียรูปทรงหรือประสิทธิภาพในการทำงาน แม้ในสภาวะที่มีแรงกระทำสูง เช่น ในถังเก็บขนาดใหญ่หรือระบบที่มีแรงดันสูง
- ไม่ไวต่อความปั่นป่วน : สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาวะที่ของเหลวมีการเคลื่อนไหวหรือปั่นป่วน เช่น ในถังผสมหรือระบบที่มีการไหลเวียนของของเหลว โดยไม่ส่งผลให้เกิดการทำงานผิดพลาดหรือส่งสัญญาณผิด
- ทนต่อแรงกระแทกและการแตกร้าว : วัสดุที่ใช้ต้องมีความแข็งแรงพอที่จะทนต่อแรงกระแทกและไม่แตกร้าวง่าย เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือนหรือการกระทบกระแทกบ่อยครั้ง เช่น ใกล้กับเครื่องจักรที่มีการทำงานหนัก
- การรับรอง WRAS : สำหรับการใช้งานในระบบน้ำดื่มหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม สวิตช์ลูกลอยไฟฟ้าควรได้รับการรับรอง WRAS (Water Regulations Advisory Scheme) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รับรองว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยสำหรับการใช้งานกับน้ำดื่ม รับประกันความปลอดภัยและคุณภาพในกระบวนการผลิต
สวิตช์ลูกลอยใช้งานในส่วนไหนบ้างของโรงงานอุตสาหกรรม ?
สวิตช์ลูกลอยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถในการควบคุมระดับของเหลวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความปลอดภัยในกระบวนการทำงาน ต่อไปนี้คือส่วนต่าง ๆ ของโรงงานอุตสาหกรรมที่มักใช้สวิตช์ลูกลอย
1. บ่อพักน้ำ
- ควบคุมระดับน้ำในบ่อพักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- ป้องกันการล้นของน้ำและการทำงานแห้งของปั๊ม
- ช่วยในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ถังเชื้อเพลิง
- ตรวจสอบและควบคุมระดับเชื้อเพลิงในถังเก็บ
- ส่งสัญญาณเตือนเมื่อระดับเชื้อเพลิงต่ำเกินกำหนด
- ป้องกันการล้นของเชื้อเพลิงระหว่างการเติม
3. ถังน้ำหล่อเย็น
- ควบคุมระดับน้ำในระบบหล่อเย็นของเครื่องจักร
- รักษาประสิทธิภาพการทำความเย็นของระบบ
- ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากระดับน้ำหล่อเย็นไม่เพียงพอ
4. เครื่องแยกน้ำมัน/น้ำ
- ตรวจจับและควบคุมระดับน้ำมันและน้ำในเครื่องแยก
- ช่วยในกระบวนการแยกน้ำมันออกจากน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
- ป้องกันการปนเปื้อนของน้ำมันในน้ำที่ผ่านการบำบัด
5. การบำบัดน้ำเสียและน้ำทิ้ง
- ควบคุมระดับน้ำในถังบำบัดและถังเก็บน้ำเสีย
- ช่วยในการจัดการกระบวนการบำบัดน้ำเสียอย่างอัตโนมัติ
- ป้องกันการล้นของน้ำเสียและการทำงานแห้งของปั๊มในระบบบำบัด
คู่มือการเลือกซื้อสวิตช์ลูกลอยให้ตอบโจทย์การใช้งาน
1. พิจารณาประเภทของเหลวที่ใช้งาน
- เลือกซื้อลูกลอยที่มาจากวัสดุทนทานต่อสารเคมีหรือของเหลวที่ใช้งาน
- สำหรับของเหลวที่กัดกร่อนสูง ควรเลือกวัสดุเช่น PPS หรือสเตนเลส
2. ตรวจสอบอุณหภูมิการทำงาน
- เลือกสวิตช์ลูกลอยที่สามารถทนอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในกระบวนการผลิตได้
- สำหรับอุณหภูมิสูง ควรพิจารณาใช้วัสดุเช่น PPS หรือสเตนเลสเกรดพิเศษ
3. พิจารณาความดันในระบบ
- เลือกสวิตช์ที่สามารถทนแรงดันสูงสุดในระบบได้
- ตรวจสอบค่า IP Rating เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน
4. ขนาดและรูปแบบการติดตั้ง
- เลือกขนาดและความยาวของก้านให้เหมาะสมกับถังหรือบ่อที่ใช้งาน
- พิจารณารูปแบบการติดตั้ง เช่น แบบแนวตั้ง แนวนอน หรือแบบด้านข้าง
5. ความแม่นยำในการทำงาน
- พิจารณาระยะการทำงาน (Differential) ที่ต้องการ
- เลือกสวิตช์ที่มีความแม่นยำสูงสำหรับการควบคุมระดับที่ละเอียด
6. มาตรฐานและการรับรอง
- ตรวจสอบมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น CE, UL, CSA
- สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ควรเลือกสวิตช์ที่ได้รับการรับรอง WRAS
7. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์และการรับประกัน
- เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในอุตสาหกรรม
- ตรวจสอบระยะเวลาและเงื่อนไขการรับประกันสินค้า
8. ความสามารถในการทนต่อการสั่นสะเทือน
- สำหรับพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนสูง ควรเลือกสวิตช์ที่มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน
9. งบประมาณและต้นทุนระยะยาว
- พิจารณาว่าลูกลอยไฟฟ้าราคาเท่าไร ถ้ารวมกับต้นทุนในการดูแลรักษาระยะยาวคุ้มไหม
- เลือกสวิตช์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อลดความถี่ในการเปลี่ยนและซ่อมบำรุง
เลือกซื้อสวิตช์ลูกลอยหลากหลายแบรนด์ชั้นนำได้ที่ RS
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสวิตช์ลูกลอย ลูกลอยไฟฟ้า 220V ในราคามิตรภาพ ต้องที่ RS เพราะเราคือแหล่งจำหน่ายสวิตช์ลูกลอย ที่รวมหลากหลายแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Gems Sensors, Sensata / Cynergy3, WIKA และอีกมากมาย ให้สามารถเลือกซื้อลูกลอยได้อย่างสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งาน มีราคาลูกลอยทั้งแบบส่งและปลีกให้เลือก นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดส่งทั่วประเทศ
สามารถสั่งซื้อสะดวกผ่านเว็บไซต์ของเราได้ตลอด 24 ชม. หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อหาสวิตช์ลูกลอยที่เหมาะกับอุตสาหกรรมของคุณที่สุดได้เลย