ประแจปอนด์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานหลากหลายประเภทและในหลายอุตสาหกรรม รวมไปถึงการซ่อมแซมบ้าน ยานยนต์ และการก่อสร้าง สิ่งสำคัญคือการใช้ในงานที่สกรูและสลักเกลียวต้องไขให้แน่นและมั่นคง ประแจปอนด์ช่วยให้ผู้ใช้งานวัดแรงดันของการยึดเพื่อให้ชิ้นส่วนและเครื่องมือมีประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับงาน ยกตัวอย่างเช่น ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ แรงบิดที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการใช้เชื่อมต่อและยึดชิ้นส่วนของยานพาหนะ รวมไปถึงเพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ความแตกต่างของประแจปอนด์แต่ละประเภทและการใช้
ประแจปอนด์มีหลายรูปทรงและขนาด ซึ่งความแตกต่างอยู่ที่การใช้งานและการปรับแต่งของเครื่องมื
เราจะมาอธิบายให้ได้รู้กันว่าประแจวัดแรงบิดมีกี่แบบและการเลือกใช้งานประแจปอนด์ตามด้านล่างนี้
ประแจวัดแรงบิดแบบดิจิทัล
การทำงานของเครื่องมือนี้ใช้ระบบเซ็นเซอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยจับสัญญาณค่าแรงบิดแล้วส่งข้อมูลแบบดิจิทัล โดยจะมีการ์ดหน่วยความจำสำหรับอ่านข้อมูลที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
ประแจวัดแรงบิดแบบบีม
เครื่องมือชนิดนี้ราคาไม่แพงและใช้งานง่าย โดยมีลักษณะเป็นสเกล เมื่อแรงบิดถึงระดับที่เหมาะสมแล้วจะหยุดตามเลขที่กำหนดไว้ ประแจวัดแรงบิดแบบบีมจะมีด้านจับเพื่อใช้บังคับ เมื่อใช้เครื่องมือนี้บีมจะอยู่กับที่และหน่วยวัดจะแสดงระดับของแรงบิด ซึ่งสามารถใช้เพื่อขันให้แน่นขึ้นหรือคลายลงได้
ประแจวัดแรงบิดชนิดคลิก
ประแจปอนด์ชนิดคลิกมีเสียงเมื่อแรงบิดอยู่ในระดับที่ตั้งค่าไว้ ประแจชนิดนี้มีก้านสปริงช่วยปรับสลับที่จับให้อยู่ในส่วนที่ตั้งค่าไว้ เมื่อถึงระดับที่ตั้งค่าแท่นจับจะหยุดและมีเสียงคลิก เครื่องมือประเภทนี้ส่วนใหญ่ใช้หมุนเกลียวโดยไขให้คลายหรือแน่นขึ้น
ประแจวัดแรงบิดไฮดรอลิก
เครื่องมือประเภทนี้นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยออกแบบให้วัดระดับแรงบิดที่ต้องการผ่านการใช้ไฮดรอลิก
ประแจวัดแรงบิดแบบไมโครมิเตอร์
เครื่องมือการตั้งค่าประเภทนี้มักใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่งสินค้า โดยน้ำหนักของสินค้าเป็นเรื่องสำคัญในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ด้วยรถไฟ เครื่องบิน และเรือ น้ำหนักอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการกระจายของสินค้า หากไม่ได้รับการดูแลที่ดีอาจทำให้เกิดอันตรายกับลูกเรือและสินค้าส่วนที่เหลือในการขนส่งด้วย
ประแจวัดแรงบิดแบบเข็ม
ประแจปอนด์แบบเข็มนั้นเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้อย่างแม่นยำที่สุด โดยสามารถใช้กับวัตถุหรือพื้นที่ขนาดกว้าง และไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก นอกจากใช้ในงานอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ยังใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ